โดย รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค

ภาพที่แสดงนี้ ถ่ายในการก่อสร้างกำแพง รับแรงแผ่นดินไหว ของอาคาร 50 ชั้น เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ด้วยวิธี สลิปฟอร์ม ที่เน้นคุณภาพของผิวคอนกรีตให้ออกมาสวยงามได้โดยไม่ต้องฉาบปูนแต่ง
ผนังคอนกรีต ที่เทด้วยระบบแบบเคลื่อนที่ได้ หรือสลิปฟอร์ม ( Slipform ) ก็มีผิวที่เรียบสวยงาม ใช้การได้เลย และก็แข็งแรงรับแรงแผ่นดินไหว ได้ดี แม้ตึกจะสูง 50 ชั้น แต่จะต้องมีการออกแบบโครงสร้างในทุกรายละเอียด และมีการควบคุมงานการใช้คอนกรีตที่เข้มงวด
ผมได้ติดตามระบบ สลิปฟอร์ม ที่นำมาใช้ในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อกว่า 50 ปีมาแล้ว ในการก่อสร้างไซโลเก็บมันสัมปะหลัง ที่ท่าเรือผาแดง ซึ่ง ศาสตราจารย์ ดร. รชฎ กาญจนะวณิชย์ เป็นวิศวกรผู้ออกแบบโครงสร้าง และเป็นผู้กำหนดรายละเอียดวิธีการก่อสร้าง ในการใช้วิธีสลิปฟอร์ม ( Slipform ) ละเอียดไปถึงส่วนผสมคอนกรีต และความสูงของการยกขึ้นแต่ละครั้ง ให้ไม่เกิน 1 นิ้ว
ในยุคนั้นการยกไม้แบบขึ้น ใช้วิธี คนงานหลายสิบคนประจำที่จุดหมุนเกลียว ยกไม้แบบขึ้นพร้อมๆกัน ทำได้โดยมีคนควบคุม เป่านกหวีดให้สัญญาน ทุกคนก็จะหมุนเกลียวไปเท่าๆกัน ผมโชคดีที่ได้ขึ้นไปชมการก่อสร้างมหัศจรรย์นี้ ที่จัดโดย วสท ( วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์)
ในยุคแรกเริ่มของโลก (ช่วงต้นศตวรรษที่ 20) สลิปฟอร์มจะใช้แม่แรงแบบเกลียว (Screw Jacks) ที่ต้องอาศัยการหมุนด้วยมือคน เพื่อยกแบบหล่อขึ้นไปทีละน้อย ซึ่งระบบนี้ได้ถูกแทนที่ด้วยระบบไฮดรอลิกที่สามารถควบคุมความเร็วได้อย่างแม่นยำและใช้บุคลากรควบคุมน้อยกว่ามาก
โครงการสลิบฟอร์มขนาดใหญ่ในประเทศไทยนับตั้งแต่ยุคอาคารสูงบูม (หลังปี 2530) เป็นต้นมา จึงมาใช้ระบบไฮดรอลิกทั้งหมด
*** ทุกเช้าวันจันทร์พบกับเรื่องราวที่น่าสนใจในวงการก่อสร้างในชุด
“เปิดสมองมองก่อสร้าง”
โดยอาจารย์ต่อ

ผมและทีมงาน บริษัท เทส TACE ที่อยู่ประจำควบคุมงานก่อสร้าง

ระบบ สลิปฟอร์ม ในปัจจุบันจะมีนั่งร้าน และ อุปกรณ์ยกไม้แบบและนั่งร้าน ยกขึ้นได้พร้อมๆกัน ด้วยระบบไฮโดรลิค

ตัวอย่างในต่างประเทศ แกนคอนกรีตของอาคาร เทไปสูงได้มากกว่าการก่อสร้างในประเทศไทย ที่ถูกจำกัดความสูงเอง ให้ไม่เกินแค่ 5 ชั้น โดยผู้รับเหมางาน สลิปฟอร์ม
