![](https://www.tace.co.th/new/wp-content/uploads/367466572_10231468051872812_7139754960430790409_n-1-1024x581.jpg)
อาคารสำหรับมนุษย์รุ่นแรกที่จะไปบุกเบิกตั้งถิ่นฐาน อาจจะต้องอาศัยชั่วคราวอยู่ในอุโมงค์ธรรมชาติที่มีอยู่ใต้ผิวพื้นดาวอังคารไปก่อน เพื่อความปลอดภัยจากแสง UV รุนแรงมาก เพราะไร้บรรยากาศป้องกันเหมือนบนโลกเรา อีกทั้งยังต้องแข็งแรงทนทานจากพายุฝุ่นรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
![รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ 367497772_10231468060953039_3387753381990990368_n-1024x576.jpg](https://www.tace.co.th/new/wp-content/uploads/image.jpeg)
แต่ในที่สุดมนุษย์จะต้องหาวิธีขึ้นมาอาศัยอยู่บนผิวดาวให้จงได้ เพื่อจะได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ทุกๆ เช้าเมื่อครบรอบ 1 วัน 24 ชั่วโมงกว่าๆ ให้คล้ายๆ กับวงจรชีวิตบนโลกเดิมของเรา
NASA ได้คัดเลือกบริษัทออกแบบ Hassel เป็นผู้มองอนาคตของการไปก่อสร้างบนดาวอังคาร ซึ่งก็ได้หลักการมาว่าวัสดุก่อสร้างที่ต้องใช้จำนวนมากๆ ก็จะใช้ทรายและหินบนดาวอังคาร
วิธีการก่อสร้างก็จะใช้เครื่องมือเป็นหุ่นยนต์มีล้อขนาดยักษ์ ที่ส่งมาจากโลก และการฉีดสร้างผิวอาคารให้หนาๆก็จะทำได้ง่ายด้วยวิธี 3D Printer ที่สร้างได้เร็วและสามารถทนต่อพายุฝุ่นและทรายและที่สำคัญต้องป้องกันรังสีจากดวงอาทิตย์ที่จะมากระทบต่อมนุษย์บนดาวอังคารให้ได้
![](https://www.tace.co.th/new/wp-content/uploads/368404455_10231468061033041_4343570326190721339_n-1024x575.jpg)
เมื่อสร้างอาคารบนพื้นผิวดาวอังคารได้ มนุษย์ก็จะมีชีวิตคล้ายคลึงกับชีวิตบนโลกมนุษย์ประจำวัน คือจะมีแสงเข้าเช้ากลางวันและเย็นและมีช่วงกลางคืนที่ท้องฟ้าจะมืดให้พักผ่อน
*** ทุกเช้าวันจันทร์พบกับเรื่องราวน่าสนใจในวงการก่อสร้างในความรู้ชุด “เปิดสมองมองก่อสร้าง” นำเสนอโดย อาจารย์ต่อ
![](https://www.tace.co.th/new/wp-content/uploads/367471558_10231468051992815_3833951827420681634_n-1024x570.jpg)