โดย รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค

นักศึกษา หลักสูตร วิศวกรรรมการก่อสร้าง ของมหาวิทยาลัย Purdue ยืนด้วยความภาคภูมิใจ
เมืองไทยมีสอนวิศวกรรมโยธาอยู่ 50 กว่าแห่ง เน้นไปสอนในวิชาการออกแบบในวิศวกรรมสาขาต่างๆ แต่ไม่มีสักแห่งเดียว ที่เปิดสอน วิศวกรให้ออกไปก่อสร้าง ถึงขั้นให้ปริญญาตรี ทางวิศวกรรมการก่อสร้าง ( Construction Engineering )
ขอยกตัวอย่างหลักสูตร วิศวกรรมการก่อสร้าง ที่อเมริกา ที่มหาวิทยาลัยเพอร์ดู Purdue University อันเป็นมหาวิทยาลัยใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับTop 10
เอามาเล่าให้ฟัง สำหรับวงการธุรกิจการก่อสร้างของไทย ไทย ว่าจะน่าสนใจไหม
ที่มหาวิทยาลัย Purdue สำหรับหลักสูตรปริญญาตรีวิศวกรรมก่อสร้าง Bachelor of Science in Construction Engineering (BSCNE)
ในหลักสูตรนี้ นักศึกษา มีโอกาสปรับแต่งหลักสูตรการศึกษาของตัวเอง โดยการเลือก วิชาเลือก ซึ่งจะช่วยให้แต่ละคนสามารถเชี่ยวชาญใน “สายงาน” เฉพาะด้านตามเป้าหมายอาชีพของคุณ
โดยทั่วไปแล้ว วิชาเลือกของ Purdue จะแบ่งออกเป็นหมวดหมู่เล็กๆ ตามสายงานที่จะต้องไปทำงานจริง
1. สายงานวิศวกรรมโครงสร้าง Structural Engineer
หากคุณต้องการเน้นไปที่วิชาชีพการ ออกแบบโครงสร้างอาคารและสะพานให้ทนทานต่อแรงต่างๆ เช่น ลม แผ่นดินไหว และน้ำหนักบรรทุกมาก
* CE 47000 – การออกแบบโครงสร้างเหล็ก: เน้นการออกแบบชิ้นส่วนเหล็ก (คาน เสา ข้อต่อ) และโครงสร้างเฟรม
* CE 47900 – การออกแบบส่วนประกอบและระบบอาคาร: เจาะลึกถึงวิธีการทำงานร่วมกันของทุกส่วนของอาคารในฐานะระบบโครงสร้างเดียว
* CE 57200 – การออกแบบคอนกรีตอัดแรง: เน้นเทคนิคคอนกรีตขั้นสูงที่ใช้ในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โรงจอดรถและสะพาน
2. สาขาวิศวกรรมธรณีเทคนิค
เน้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างกับพื้นดิน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการออกแบบฐานรากและการก่อสร้างใต้ดิน
* CE 48300 – วิศวกรรมธรณีเทคนิค 2: การศึกษาขั้นสูงเกี่ยวกับแรงดันดิน เสถียรภาพของลาด และกำแพงกันดิน
* CE 58400 – การวิเคราะห์และการออกแบบฐานราก: วิศวกรรมโดยละเอียดของฐานรากตื้นและลึก (เช่น เสาเข็มและบ่อพัก)
3. สาขาวิศวกรรมสถาปัตยกรรม Architecture Engineering
เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจ “ระบบ” ภายในอาคาร เช่น การระบายอากาศ การรักษาความอบอุ่น และการให้แสงสว่าง
* CE 31100 – วิศวกรรมสถาปัตยกรรม: บทนำเกี่ยวกับการบูรณาการการออกแบบสถาปัตยกรรมกับระบบโครงสร้างและระบบกลไก
* CE 41200 – การออกแบบเปลือกอาคารและภาระความร้อน: เน้นที่ “ผิว” ของอาคารและวิธีการจัดการประสิทธิภาพการใช้พลังงานและฉนวนกันความร้อน
* CE 51300 – แสงสว่างในอาคาร: วิทยาศาสตร์และการออกแบบระบบแสงสว่างเทียมและธรรมชาติ
4. หลักสูตรการจัดการงานก่อสร้างขั้นสูง Construction Management
สำหรับผู้ที่ต้องการก้าวเข้าสู่บทบาทผู้บริหารระดับสูงหรือ บทบาททางการจัดการธุรกิจภายในบริษัทก่อสร้าง
* CE 52100 – การจัดการธุรกิจก่อสร้าง: เน้นด้านองค์กร – การวางแผนเชิงกลยุทธ์ การบัญชีการเงินสำหรับงานก่อสร้าง และความเสี่ยงระดับบริษัท
* CE 52300 – การเลือกและการใช้งานอุปกรณ์ก่อสร้าง: การศึกษาเชิงเทคนิคเกี่ยวกับวิธีการเลือกเครื่องจักรที่เหมาะสม (เครน รถขุด ฯลฯ) สำหรับงาน และการคำนวณต้นทุน/ประสิทธิภาพ
* CE 52200 – การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในงานก่อสร้าง: การใช้งาน BIM, AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงในสถานที่ก่อสร้างสมัยใหม่
5. หลักสูตรสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
เน้นที่ “อาคารสีเขียว” และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโครงสร้างพื้นฐาน
* CE 35500 – ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมทางวิศวกรรม: เน้นการประเมินวงจรชีวิตและวัสดุที่ยั่งยืน
* CE 44000 – ระบบไฮดรอลิกในเมือง: การออกแบบท่อระบายน้ำฝน ระบบจ่ายน้ำ และ ระบบระบายน้ำสำหรับเมือง (วิชาป้องกันน้ำท่วม ในเมือง)
*** ทุกเช้าวันจันทร์พบกับอาจารย์ต่อ มาเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจในวงการก่อสร้างในชุดเปิดสมองมองก่อสร้าง  ครั้งนี้มาพูดให้ฟังว่าหลักสูตรวิศวกรรมโยธาในประเทศไทยล้วนสอนให้นักศึกษาออกมาเป็นวิศวกรผู้ออกแบบ ไม่ได้มุ่งหวังให้มีความรู้ ออกไปทำงานการก่อสร้าง ซึ่งในอดีต 50 ปีที่แล้ว งานก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ยังมีน้อยมาก สมัยผมจบมาได้ไปคุมงานสร้างตึกธนาคารสูง15 ชั้นก็ตื่นเต้นมากแล้ว คนที่ก่อสร้างเรียนในโรงเรียนช่างก่อสร้าง ของไทยในยุคนั้น ซึ่งคุณภาพดีมากก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องใช้ความรู้ อะไรมาก !

มหาวิทยาลัย Purdue University เป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ ที่มีหลักสูตรหลายสาขาวิชาการ เปิดสอนปริญญาตรีทางวิศวกรรมการก่อสร้าง ที่โด่งดัง

นักศึกษา ต้องมีการฝึกงาน จริงในหน่วยงานก่อสร้าง ก่อนที่จะจบ
